ช่วงที่ผ่านมาผมสังเกตุว่านักลง ทุนหลายคนนิยมอ้างอิงทฤษฎีผลประ โยชน์ ซึ่งกล่าวว่าผลประโยชน์ส่วนใหญ่ มักจะตกอยู่กับคนส่วนน้อย (80 : 20) ดังนั้นนักลงทุนต้องเลือกที่จะล งทุนในทิศทางตรงข้ามกับ "คนส่วนใหญ่" ... ผมเองเห็นด้วยกับแนวคิดนี้
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า "คนส่วนใหญ่" คิดอะไร? ลงมือทำอะไร?
หลายคนใช้วิธีโพสถามตามเวปบอร์ด ว่า ... วันนี้ mass คิดอย่างไร? ทำโพลให้ลงคะแนนหรือแสดงความคิด เห็นว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นหรือลง? หลายคนใช้วิธีถามคนรอบตัว คำถามเหล่านี้เป็นที่นิยมจนผมคิ ดว่า...การตั้งคำถามในลักษณะนี้ คือการตั้งคำถามแบบคนส่วนใหญ่ ที่ไม่มีจุดยืนในการลงทุน
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำตอบที ่ได้มาจะเป็นตัวแทนความคิดของคน ส่วนใหญ่ได้ เพราะอะไร? คนที่ตอบอาจจะไม่ได้พูดตามที่ตั วเองคิด คนที่ตอบอาจจะลังเลแต่ก็ตอบไปให ้จบ คนที่ตอบอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้คิ ดเหมือนคนส่วนใหญ่ กลุ่มตัวอย่างที่ตอบคำถามอาจจะจ ำนวนน้อยและเกาะกลุ่มจนไม่สามาร ถเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ เป็นต้น
แล้วอย่างนั้นเราจะแตกต่างจากคน ส่วนใหญ่ได้อย่างไร?
ขอให้เริ่มต้นด้วยทัศนคติที่ว่า เราก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ถ้าไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีการพัฒนาตัวเองเลย..เราย่อ มไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ หรือ "เรา" นั่นแหละที่คือ "คนส่วนใหญ่" การเป็นคนส่วนน้อยจึงต้องฝืนกระ แสตัวเองค่อนข้างมาก ไม่ใช่เพียงแค่คิดว่าราคาจะขึ้น หรือลง แต่เป็นการพัฒนาตั้งแต่ระดับทัศ นคติและกระบวนการทางความคิดและอ ารมณ์ซึ่งเป็น "ที่มา" ของผลลัพธ์ทางความคิด อย่างเช่น
คนส่วนใหญ่สนใจแต่ว่าคนอื่นจะคิ ดอย่างไร เซียนจะคิดอย่างไร ...แต่คนส่วนน้อยรักษาสมดุลของก ารฟังความคิดของตนเองและการเลือ กฟังตลาดอย่างมีเหตุผล
คนส่วนใหญ่มองระยะสั้น รายนาที รายวัน รายเดือน ...แต่คนส่วนน้อยมองระยะเวลาที่ ไกลกว่านั้น
คนส่วนใหญ่ถามคำถาม"คนอื่น"แบบท ี่สามารถนำไปใช้เล่นหุ้นได้ทันท ีโดยไม่ต้องย่อย เช่น ซื้อหุ้นตัวไหนดี วันนี้ mass คิดอย่างไรจะได้แทงด้านตรงข้าม ... แต่คนส่วนน้อยถามคำถาม"ตนเอง"ที ่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์การลงทุนโด ยตรงโดยที่ต้องใช้เวลา ข้อมูลและแนวคิดในการตอบคำถาม เช่น บริษัทนี้มูลค่าประมาณเท่าไรเมื ่อคิดจากสมมุติฐานแบบอนุรักษ์นิ ยม มีความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ในอ นาคตแบบใดบ้าง แนวโน้มกำไรของบริษัทในอนาคตน่า จะเป็นอย่างไร
คนส่วนใหญ่ถูกอิทธิพลของความโลภ ความกลัว ความอิจฉา ความไม่มั่นใจ บีบให้ตัดสินใจในการลงทุนโดยไม่ ได้ใช้เหตุผลเท่าที่ควรจะเป็น ...แต่คนส่วนน้อยใช้เหตุผลในการ ตัดสินใจในการลงทุน และรู้เท่าทันอารมณ์และอคติที่เ กิดขึ้นของตนเอง
คนส่วนใหญ่มีแนวคิดการลงทุนที่ไ ม่ชัดเจน เปลี่ยนไปมารายวัน เปลี่ยนไปมาตามสิ่งที่เข้ามากระ ทบ ...แต่คนส่วนน้อยมีแนวทางการลงท ุนที่ชัดเจน รู้ว่าเมื่อใดควรรอ เมื่อใดควรลงมือทำ
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนเองรู้อนาค ตอย่างแน่นอน ... แต่คนส่วนน้อยเชื่อว่าตนเองไม่ร ู้อนาคต เลยต้องพยายามเตรียมตัวรับมือกั บเหตุการณ์หลายรูปแบบที่อาจจะเก ิดขึ้น ทั้งด้านความเสี่ยงและด้านผลตอบ แทน
...
ถ้าเราอยากจะลงทุนแตกต่างจากคนส ่วนใหญ่ก็ไม่ต้องไปวิ่งไปคอยถาม หรือวิ่งไปตามใครหรอกครับ... แค่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอย่างไม ่หยุดยั้งก็พอ
ขอบคุณที่มาจาก Facebook.com/Thailand investment Forums
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า "คนส่วนใหญ่" คิดอะไร? ลงมือทำอะไร?
หลายคนใช้วิธีโพสถามตามเวปบอร์ด
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำตอบที
แล้วอย่างนั้นเราจะแตกต่างจากคน
ขอให้เริ่มต้นด้วยทัศนคติที่ว่า
คนส่วนใหญ่สนใจแต่ว่าคนอื่นจะคิ
คนส่วนใหญ่มองระยะสั้น รายนาที รายวัน รายเดือน ...แต่คนส่วนน้อยมองระยะเวลาที่
คนส่วนใหญ่ถามคำถาม"คนอื่น"แบบท
คนส่วนใหญ่ถูกอิทธิพลของความโลภ
คนส่วนใหญ่มีแนวคิดการลงทุนที่ไ
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนเองรู้อนาค
...
ถ้าเราอยากจะลงทุนแตกต่างจากคนส
ขอบคุณที่มาจาก Facebook.com/Thailand investment Forums
Comments
Post a Comment