วันนี้แค่อยากเล่าเรื่องของผม ที่เกี่ยวกับ การทำประกันชีวิต ในชีวิต เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี กับการทำประกัน ชีวิต และ ประกันภัย มาบ้าง พอสมควร
อย่างแรกเลยคือ ทำแล้วส่งไม่ต่อเนื่องทำให้ถูกยกเลิกไปและ รู้สึกเสียดายเงิน ไปฟรี กับแบบที่สอง ถูกกลุ่ม บัตรเครดิต และ หลากหลาย องค์กรณ์ โทรมาตื้อๆๆ พูดคุยกันทางโทรศัพท์ ให้เราซื้อประกันรูปแบบ ต่างๆ ของเขา บัตรเครดิต บางเจ้า มีนำเสนอประกัน แบบ หักค่าเบี้ยประกันจากบัตรเครดิตได้ด้วย
ซึ่งถ้าใครไม่ทันตรวจสอบดูเราจะเสียทั้งเบี้ยประกัน และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตอีกต่างหาก..
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1, 2+, 3+, 3 และ พรบ. รถยนต์
ล่าสุด ธนาคารต่างๆ มีรูปแบบการพูดจาหว่านล้อม เรื่องการขายประกัน รวมถึงบังคับขายพร้อมกับบัตรเครดิต โดยเป็นการประกันอุบัตเหตุ พ่วงกันไปเลย
ผมว่าเรื่องราวเหล่านี้ พวกเราทั้งหลายต่างคงเคยพบกันมามากมายและบ่อยครั้งอยู่แล้ว แต่เราคงไม่สามารถที่จะ แอนตี้ หรือต่อต้านการทำประกันต่างๆ ได้ เพราะสิ่งที่เราต้องยอมรับว่า การทำประกันภัย การทำประกันชีวิต นั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น และถ้าเราเลือกให้ดี ให้เหมาะสมกับตัวเราเอง.. มันจะเป็นประโยชน์กับเราต่อไปในอนาคต..
ผมเลือก ทำประกันชีวิต แบบ สะสมทรัพย์ ส่ง ไป 10 ปี มีชีวิตอยู่ ครบ 20 ปี จะได้เงิน คืน 1 แสนบาท ไม่มากมายอะไรแต่มันจะเป็น เหมือนเงิน ทุน ตอนเกษียน อายุ ของผมได้ การทำประกันชีวิต แบบ สะสมทรัพย์ มีปันผล ทุกปี และยังเวนคืนกรมธรรม์ ได้ 100% เงินทุนประกัน มันจึงเป็นการออมเงินที่ดีรูปแบบนึง
ทำไมถึงเลือก ทุนประกันชีวิต แค่ 1 แสน.. อีก 20 ปีข้างหน้า เงินแสน มันจะมีความหมายสักเท่าไร
พ.ร.บ. รถยนต์
ใช่ครับมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่เราจะพูดแบบนั้น แต่เราต้องมองอีกมุมหนึ่ง คือกำลังในการส่งเบี้ยของเรา เราต้องประมาณตัวเราเองว่า จะไหวสักแค่ไหน จะไปได้สักกี่น้ำ จะส่งได้กี่ปี
วันนี้มีปัญญาทำได้แค่นี้ พอทำไหวคิดว่าเราจะ ส่ิงไปตลอด 10 ปีโดยไม่เดือดร้อนเราจึงทำแต่ถ้า ไม่มั่นใจ ในอนาคต เราควรจะทำไว้น้อยๆ ก่อน เมื่อพร้อมอนาคตข้างหน้า เราอาจจะได้เจอขอเสนอ ในการทำประกัน จากบริษัท อื่นๆ ที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการอ่านเงื่่อนไข ของการทำประกันชีวิตให้ชัดเจน และ ตรวจสอบเอกสารให้รอบคอบ เพราะสัญญาของการทำประกันชีวิต เป็นการทำสัญญากันหลายปี
อย่างแรกเลยคือ ทำแล้วส่งไม่ต่อเนื่องทำให้ถูกยกเลิกไปและ รู้สึกเสียดายเงิน ไปฟรี กับแบบที่สอง ถูกกลุ่ม บัตรเครดิต และ หลากหลาย องค์กรณ์ โทรมาตื้อๆๆ พูดคุยกันทางโทรศัพท์ ให้เราซื้อประกันรูปแบบ ต่างๆ ของเขา บัตรเครดิต บางเจ้า มีนำเสนอประกัน แบบ หักค่าเบี้ยประกันจากบัตรเครดิตได้ด้วย
ซึ่งถ้าใครไม่ทันตรวจสอบดูเราจะเสียทั้งเบี้ยประกัน และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตอีกต่างหาก..
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1, 2+, 3+, 3 และ พรบ. รถยนต์
ล่าสุด ธนาคารต่างๆ มีรูปแบบการพูดจาหว่านล้อม เรื่องการขายประกัน รวมถึงบังคับขายพร้อมกับบัตรเครดิต โดยเป็นการประกันอุบัตเหตุ พ่วงกันไปเลย
ผมว่าเรื่องราวเหล่านี้ พวกเราทั้งหลายต่างคงเคยพบกันมามากมายและบ่อยครั้งอยู่แล้ว แต่เราคงไม่สามารถที่จะ แอนตี้ หรือต่อต้านการทำประกันต่างๆ ได้ เพราะสิ่งที่เราต้องยอมรับว่า การทำประกันภัย การทำประกันชีวิต นั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น และถ้าเราเลือกให้ดี ให้เหมาะสมกับตัวเราเอง.. มันจะเป็นประโยชน์กับเราต่อไปในอนาคต..
ผมเลือก ทำประกันชีวิต แบบ สะสมทรัพย์ ส่ง ไป 10 ปี มีชีวิตอยู่ ครบ 20 ปี จะได้เงิน คืน 1 แสนบาท ไม่มากมายอะไรแต่มันจะเป็น เหมือนเงิน ทุน ตอนเกษียน อายุ ของผมได้ การทำประกันชีวิต แบบ สะสมทรัพย์ มีปันผล ทุกปี และยังเวนคืนกรมธรรม์ ได้ 100% เงินทุนประกัน มันจึงเป็นการออมเงินที่ดีรูปแบบนึง
ทำไมถึงเลือก ทุนประกันชีวิต แค่ 1 แสน.. อีก 20 ปีข้างหน้า เงินแสน มันจะมีความหมายสักเท่าไร
พ.ร.บ. รถยนต์
ใช่ครับมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่เราจะพูดแบบนั้น แต่เราต้องมองอีกมุมหนึ่ง คือกำลังในการส่งเบี้ยของเรา เราต้องประมาณตัวเราเองว่า จะไหวสักแค่ไหน จะไปได้สักกี่น้ำ จะส่งได้กี่ปี
วันนี้มีปัญญาทำได้แค่นี้ พอทำไหวคิดว่าเราจะ ส่ิงไปตลอด 10 ปีโดยไม่เดือดร้อนเราจึงทำแต่ถ้า ไม่มั่นใจ ในอนาคต เราควรจะทำไว้น้อยๆ ก่อน เมื่อพร้อมอนาคตข้างหน้า เราอาจจะได้เจอขอเสนอ ในการทำประกัน จากบริษัท อื่นๆ ที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการอ่านเงื่่อนไข ของการทำประกันชีวิตให้ชัดเจน และ ตรวจสอบเอกสารให้รอบคอบ เพราะสัญญาของการทำประกันชีวิต เป็นการทำสัญญากันหลายปี
Comments
Post a Comment